สถานะพอร์ตและการตัดสินใจลงทุน (ก.ย. 61)

model-portfolio-2018-09

Model Portfolio เดือน ก.ย. 61 

กลับมาพบกับสรุป Model Portfolio ประจำเดือน ก.ย. 61 ซึ่งจัดทำขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

  1. เป็นพอร์ตสำหรับการศึกษาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
    ของผู้เข้าสัมมนา DIY Portfolio กับ A-Academy
    (ดังนั้นถ้าบางท่านอ่านไม่รู้เรื่อง ส่วนหนึ่งอาจเพราะเนื้อหาเหล่านี้
    ผมสอนไว้ในหลักสูตร DIY ซึ่งไม่ได้มีวิดีโอให้ดูใน YouTube นะครับ)
  2. เป็นพอร์ตการลงทุนจริงของลูกสาวผม
    สำหรับเป็นทุนการศึกษาในอีกประมาณ 18 ปีข้างหน้า
    ตามแผนที่เขียนไว้ใน หน้านี้

ก่อนอื่น ทุกท่านสามารถดาวโหลดไฟล์สรุปพอร์ตในรูปแบบ Excel ของเดือนนี้ ไปศึกษาอย่างละเอียดโดย คลิ๊กที่ลิ้งค์นี้ ครับ


สถานะพอร์ต ณ 28 ก.ย. 61

01-outstanding 02-performance

  • เดือนนี้พอร์ตมีมูลค่า 343,650.76 บาท
    (รวมเงินลงทุนใหม่ประจำเดือน 5,000 บาทแล้ว)
  • เดือน ก.ย. 61 กำไร เท่ากับ 1,152.39   บาท หรือ +0.34%
  • ผลตอบแทนสะสมปี 2561 (9 เดือน) ขาดทุนอยู่  -2.00%

03-benchmark

  • วัดผลเทียบ Benchmark เดือน ก.ย. 61
    พอร์ต +0.34% vs BM +1.19% แพ้ Benchmark ต่อเป็นเดือนที่ 3
  • วัดผลเทียบ Benchmark  ตั้งแต่เริ่มลงทุน (ส.ค. 59)
    พอร์ต +7.36% vs BM +18.82% แพ้เท่ากับ -11.47%

ถือเป็นการแพ้สะสมที่สูงมาก ซึ่งก็เกิดจากทั้งค่าธรรมเนียมของกอง และจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดด้วย

ซึ่งหลักๆ ที่ทำให้แพ้มากมายก็คือการที่ BM ในส่วนของ Foreign Stock นั้น ผมเซ็ทไว้ง่ายๆ เป็นดัชนี S&P500 TRI คือมอง S&P500 เสมือนเป็นทางเลือกที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด ถ้าจะไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ

แต่ในการลงทุนจริงนั้น ผมใช้วิธีเลือก Region และ Sector เอาเอง โดยคิดว่าจะเลือกได้ดีกว่าการลงทุนง่ายๆ ตาม S&P500 แต่ผลปรากฎว่าไม่เป็นเช่นนั้น เพราะตั้งแต่ที่เริ่มลงทุนในเดือน ส.ค. 59 มานั้น ดัชนี S&P500 ถือเป็นดัชนีหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนดีอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว ขณะที่หุ้นต่างประเทศใน Region อื่นๆ นั้น ทำได้ไม่ดีเท่า

นอกจากนั้น BM ในส่วนของ Property ซึ่งผมเลือกใช้กอง M-PROPERTY มาเป็น Benchmark เนื่องจากดัชนี SET PF&REIT TRI ที่ควรใช้เป็น BM มากกว่า ไม่ได้มีเผยแพร่ให้เข้าถึงได้ง่าย

ซึ่งตอนแรกผมมองว่า M-PROPERTY จะเป็นกองระดับกลางๆ เนื่องจากเป็นกองที่ค่อนข้างเก่า นโยบายการลงทุนไม่ได้กว้างนัก แถมปิดไม่ให้ซื้อเพิ่มแล้ว ก็กลับให้ผลตอบแทนได้สูงสุดอันดับต้นๆ ในกลุ่ม Fund of Property Fund ทำให้กอง Property ที่เลือกมาลงทุนจริง ให้ผลตอบแทนแพ้ M-PROPERTY มาตลอด

หากล้างผลการแพ้ชนะในปีเก่าๆ ทิ้งไป เหลือไว้แค่ปี 2018 ก็ยังถือว่าแพ้เยอะอยู่ ดังรูปด้านล่าง

03-2-benchmark

นั่นคือตั้งแต่ต้นปีมานี้ BM กำไร +5.90% แต่พอร์ตขาดทุนไป -2.00% แพ้อยู่ 7.89% ซึ่งถือว่าเยอะมาก

สาเหตุของการแพ้เดือนล่าสุดคืออะไร ในหัวข้อต่อไป จะมีคำตอบให้ครับ


วิเคราะห์องค์ประกอบของผลตอบแทนเดือน ก.ย. 61

04-attribution-graph

จากกราฟ Performance Attribution (อย่างง่าย) ด้านบน เราสามารถวิเคราะห์ดูสาเหตุได้ครับ ว่าสาเหตุของการที่พอร์ตสามารถเอาชนะ BM ในเดือนนี้นั้น เกิดจากอะไร

  1. ระดับ Tactical Asset Allocation (TAA)
  • ระดับนี้เราจะยังไม่ดูกอง แต่ดูที่ระดับ Asset ก่อน จะเห็นว่าเดือนนี้ Asset Benchmark ส่วนใหญ่ (ยกเว้นทองคำ) ให้ผลตอบแทนเป็นบวก ดังนี้
    • อสังหาไทย + 2.35% (อาจดีเกินจริง เพราะอิทธิพลของกอง M-PROPERTY ที่ได้กล่าวไปในหัวข้อที่แล้ว)
    • หุ้นไทย +2.24% ซึ่งถือว่าบวกค่อนข้างเยอะ
    • หุ้นต่างประเทศ +0.59%
    • ทองคำ -1.93%
  • ซึ่งในการตัดสินใจลงทุนจริงนั้น ผมได้ Slightly Underweight ทุกสินทรัพย์ที่เดือนนี้ให้ผลตอบแทนเป็นบวก แม้จะทยอยเพิ่มอสังหา กับ หุ้นไทยขึ้นมาบ้างแล้ว 2 เดือนติดต่อกัน แต่ถ้าเทียบกับแผน (SAA) ก็ยังถือว่า Underweight อยู่นิดหน่อย
  • ดังนั้น การตัดสินใจเรื่อง TAA ของผมในเดือนนี้ จึงถือว่าทำได้ไม่ดี เพราะถ้าจะดี ควรจะมีสัดส่วนสินทรัพย์ให้ใกล้ SAA มากกว่านี้ หรืออาจถึงขั้น Overweight บางสินทรัพย์ เช่นหุ้นไทย และ อสังหาฯ

2. ระดับ Fund Selection

  • ในระดับนี้เราจะเจาะเข้ามาดูกองที่เลือกไว้กันว่า เมื่อเทียบกับ Asset BM แล้ว กองทำได้ดีร้ายอย่างไร
  • หากอ่านที่คอลัมน์ Selection จะเห็นคำว่า “Underperformed” ตัวสีแดงเยอะมาก นั่นคือในเดือนนี้นั้น กองที่ผมเลือกมาส่วนใหญ่ ให้ผลตอบแทนแพ้ Asset BM ของตัวมันเอง
  • จะมีก็แค่ KFDYNAMIC เท่านั้นที่เดือนนี้ถือว่าทำผลงานได้โอเค
  • กองที่โดนหนักคือ KF-GTECH ซึ่งผมกำลังเฝ้าระวังอยู่ ว่าควรจะต้องเปลี่ยนกองหรือไม่ เนื่องจากผลตอบแทนหลุดจาก Peers ที่เป็นกอง Global Tech ด้วยกันไปมาก เรียกว่าเป็นกองที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในราว 6 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ Peers เลยทีเดียว

โดยรวมเดือนนี้ถือเป็นความผิดพลาดที่เป็นมาต่อเนื่องจาก 2-3 เดือนที่แล้ว ทั้งในการตัดสินใจทำ TAA ซึ่งแม้จะรู้ตัวว่าผิดและทยอยปรับให้ถูกแล้ว แต่ก็ทำช้าไป

ส่วนเรื่อง Fund Selection นั้น ก็ยังทำได้ไม่ดี ครั้นที่จะเปลี่ยนกองใหม่บ่อยๆ ก็สิ้นเปลืองค่าธรรมเนียม และไม่ได้มีหลักประกันว่าเปลี่ยนไปแล้วกองใหม่จะไม่แย่ลง ผมจึงค่อนข้างนิ่ง และไม่ได้เปลี่ยนบ่อยๆ

ทั้งนี้ขอ Remark ไว้หน่อยนึงนะครับ ว่า Model Port ที่ทำอัพเดททุกเดือนนี้ เป็นพอร์ตส่วนที่ไม่ใหญ่มาก เมื่อเทียบกับพอร์ตหลักของผม และเป็นพอร์ตที่ผมตั้งใจจะตัดสินใจลงทุนแบบ Active จริงๆ ในทุกๆ ด้าน เพื่อสาธิตการประยุกต์ใช้ความรู้จากหลักสูตร DIY Portfolio ให้หลากหลาย

ซึ่งเมื่อตัดสินใจแบบ Active มาก เวลาผิดพลาดก็จะเป็นแบบที่เห็นอยู่นี้ครับ  แต่เส้นทางลงทุนของพอร์ตนี้ก็ยังอีกยาว (ราวๆ 18 ปี) ผมก็จะพยายามบริหารไปให้สุดทาง ผิดก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ครับ


สรุปการปรับพอร์ตเดือนนี้

หากท่านใดติดตามพอร์ตนี้มาทุกๆ เดือน จะเห็นว่านับตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 61 เป็นต้นมา ผมก็ทยอยลดสินทรัพย์เสี่ยงตระกูลหุ้นมาโดยตลอด โดยหากสังเกตจากรูปด้านล่าง จะเห็นว่าพื้นที่สีฟ้า ซึ่งเป็นตราสารหนี้เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ

05-aa-history

เดือนที่แล้วคือเดือนที่สอง ที่ผมเริ่มลดสัดส่วนตราสารหนี้ลงอีกครั้ง โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทย (สีส้ม) และอสังหา (สีน้ำเงิน) เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก “คาดการณ์” หรือ “เดา” ว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น

ซึ่งหากให้น้ำหนักกับปัจจัยด้าน Momentum / Trend Following โดยดูแนวโน้มราคาสินทรัพย์ เทียบกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 และ 40 สัปดาห์ (เพื่อวัดแนวโน้มระยะกลาง ระยะยาวตามลำดับ) ตามตารางนี้

08-trend

ผมอ่านได้ว่าตลาดหุ้นใน Emerging Markets ที่เดิมในเดือนที่แล้วอยู่ในทิศทางขาลงชัดเจน เดือนนี้ก็ดีขึ้นมาบ้าง เพราะบางสินทรัพย์ก็ขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 สัปดาห์ (100 วัน) ได้

หุ้นไทยเองก็ดีขึ้น เพราะปัจจุบันก็ขึ้นมายืนเหนือทั้งเส้น 20 สัปดาห์ (100 วัน) และ 40 สัปดาห์ (200 วัน) ได้แล้ว ทำให้เดือนนี้ผมตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนหุ้นไทยขึ้นอีก โดยใช้เฉพาะเงินใหม่ และเงินปันผลที่ได้รับในเดือนที่แล้วมาเข้าซื้อหุ้นไทย ดังแผนนี้

07-target-aa

จากตารางจะเห็นว่า

  • เงินใหม่ 5,000 บาท และเงินปันผลที่ได้ในเดือนที่แล้ว 765 บาท รวมเป็น 5,765 บาท ผมนำไปซื้อหุ้นไทยทั้งหมด แบ่งเป็น
  • 1AMSET50-RA 3,000 บาท
  • KFDYNAMIC 2,765 บาท

โดยเมื่อทำรายการในระบบของ Nomura จะได้สรุป Transaction ดังนี้ครับ

06-transaction

เนื่องจากผมส่งคำสั่งในวันที่ 3 ต.ค. 61 หลัง Cut-off Time ไปแล้ว รายการที่สั่งจึงจะมีผลในวันที่ 4 ต.ค. 61 นะครับ


ทิ้งท้ายก่อนจาก

เช่นเคยครับ ก่อนจบก็มีอัพเดทพัฒนาการเล็กๆ น้อยๆ ของลูกสาวผม ซึ่งจะเป็นคนที่ได้รับเงินในพอร์ตนี้ไปเป็นทุนการศึกษาหรืออื่นๆ ในอีก 18 ปีข้างหน้า

เดือนนี้ขอโพสเป็นรูปแทนนะครับ

03

01

02

เธอทำอะไรเองได้เพิ่มขึ้นเยอะมาก พูดเก่งขึ้นมาก เล่นเก่งขึ้นมาก น่ารักขึ้นมากๆ พอๆ กับที่ Handle ได้ยากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกันครับ ^_^