สถานะพอร์ตและการตัดสินใจลงทุน (ส.ค. 62)

model-portfolio-2019-08

พอร์ตสาธิต เดือน ส.ค. 62

กลับมาพบกับสรุปพอร์ตสาธิตประจำเดือน ส.ค. 62 กันนะครับ

พอร์ตสาธิตนี้จัดทำขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์คือ

  1. เป็นพอร์ตสำหรับการศึกษาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
    ของผู้เข้าสัมมนา DIY Portfolio กับ A-Academy
    (ดังนั้นถ้าบางท่านอ่านไม่รู้เรื่อง ส่วนหนึ่งอาจเพราะเนื้อหาเหล่านี้
    ผมสอนไว้ในหลักสูตร DIY ซึ่งไม่ได้มีวิดีโอให้ดูใน YouTube นะครับ)
  2. เป็นพอร์ตที่ตั้งใจจะสาธิตการตัดสินใจลงทุนแบบ Active ในหลายๆ มิติ เช่น Tactical Asset Allocation และ Fund Selection โดยพร้อมรับความเสี่ยงกรณีที่มีการตัดสินใจผิดพลาด (พอร์ตหลักอื่นๆ ของผม รวมทั้งพอร์ตของลูกค้า Avenger Planner ส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้ตัดสินใจ Active ลักษณะเดียวกันกับพอร์ตนี้)
  3. เป็นพอร์ตการลงทุนจริงของลูกสาวผม
    สำหรับเป็นทุนการศึกษาในอีกประมาณ 18 ปีข้างหน้า
    ตามแผนที่เขียนไว้ใน หน้านี้

ปล. ช่วงนี้ สัมมนา DIY Portfolio รุ่นที่ 7 อยู่ระหว่างการเปิดรับสมัคร เพื่อเรียนในวันที่ 28-29 ก.ย. 62 นี้นะครับ ท่านที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดและสมัครได้ที่ ลิ้งค์นี้ ครับ


สถานะพอร์ต ณ 30 ส.ค. 62

ทุกท่านสามารถดาวโหลดไฟล์สรุปพอร์ตในรูปแบบ Excel ของเดือนนี้ ไปศึกษาอย่างละเอียดโดย คลิ๊กที่ลิ้งค์นี้ ครับ

01-outstanding

02-performance

  • เดือนนี้พอร์ตมีมูลค่า 409,837.72 บาท
    (รวมเงินลงทุนใหม่ประจำเดือน 5,000 บาทแล้ว)
  • เดือน ส.ค. 62 ขาดทุน เท่ากับ 713.34  บาท หรือ -0.18%
  • ตั้งแต่ต้นปี 62 (8 เดือน) กำไร เท่ากับ 29,615.07 บาท หรือ +8.37%

03-benchmark

  • วัดผลเทียบ Benchmark เดือน ส.ค. 62
    พอร์ต -0.18% vs BM +0.85% แพ้ Benchmark อยู่ -1.03%
  • วัดผลเทียบ Benchmark  ตั้งแต่เริ่มลงทุน (ส.ค. 59)
    พอร์ต +10.15% vs BM +29.45% แพ้เท่ากับ -19.30%

หากพิจารณาตั้งแต่เริ่มลงทุน จะถือเป็นการแพ้สะสมที่สูงมาก ซึ่งก็เกิดจากเหตุผลหลักๆ คือ

  1. เลือกกองทุนผิด (Selection)
  2. ปรับพอร์ตระยะสั้น-กลางผิด (TAA)
  3. เสียค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย และค่าบริหารกองทุน
  4. การเลือก Benchmark ที่ไม่เหมาะสม (ปัจจุบันแก้ไขให้เหมาะสมแล้ว ตั้งแต่ต้นปี 2019 เป็นต้นมา)

ในส่วนของ Benchmark นั้น หากล้างผลการแพ้ชนะในปีเก่าๆ ทิ้งไป เหลือไว้แค่ปี 2019 ก็จะดูเข้าใจง่ายขึ้น ดังรูปด้านล่าง

03-2-benchmark

นั่นคือตั้งแต่ต้นปีมานี้ BM กำไร +15.71% แต่พอร์ตกำไรแค่ +8.37% แพ้อยู่ -7.35%

สาเหตุของการแพ้ BM เดือนล่าสุดคืออะไร ในหัวข้อต่อไป จะมีคำตอบให้ครับ


วิเคราะห์องค์ประกอบของผลตอบแทนเดือน ส.ค. 62

slide1

จากกราฟ Performance Attribution (อย่างง่าย) ด้านบน เราสามารถวิเคราะห์ดูสาเหตุได้ครับ ว่าสาเหตุของการที่พอร์ตแพ้ BM ในเดือนนี้นั้น เกิดจากอะไร

  1. ระดับ Tactical Asset Allocation (TAA)
  • ระดับนี้เราจะยังไม่ดูกอง แต่ดูที่ระดับ Asset ก่อน จะเห็นว่าเดือนนี้ Asset Benchmark ที่เป็นหุ้น ปรับลงค่อนข้างแรง แต่ทองคำและอสังหาฯ ก็ให้ผลตอบแทนเป็นบวกอย่างแรงเช่นกัน
  • สรุปผลตอบแทนของแต่ละสินทรัพย์ในเดือน ส.ค. 62 เป็นดังนี้
    • ตราสารหนี้ไทย +0.87%
    • อสังหาไทย +5.35%
    • หุ้นไทย -2.48%
    • หุ้นต่างประเทศ -2.73%
    • ทองคำ +6.71%
  • ซึ่งในเดือน ส.ค. 62  ผมมีการ Underweight หุ้นไว้ ทั้งหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ ก็ถือว่าทำได้ดี เพราะหุ้นตกกันทั้งโลก
  • ในส่วนที่ Overweight อสังหาฯ ไว้ ก็ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน เพราะอสังหาฯ ยังคงบวกได้แรงต่อเนื่อง
  • โดยสรุปในระดับของ TAA นี้ ถือว่าผลลัพธ์ออกมาดี แต่จะไปแย่เอาในส่วนถัดไปคือ Fund Selection นี่แหละครับ

2. ระดับ Fund Selection

  • ในระดับนี้เราจะเจาะเข้ามาดูกองที่เลือกไว้กันว่า เมื่อเทียบกับ Asset BM แล้ว กองทำได้ดีร้ายอย่างไร
  • หากอ่านที่คอลัมน์ Selection จะเห็นว่าเดือนนี้มีกองที่ Overperformed ตัว Asset BM อยู่เพียง 2 กอง ขณะที่มีกองที่ Underperformed อยู่ 5 กอง ซึ่งแปลว่าแพ้มากกว่าชนะ
  • กองที่ชนะได้แก่ 1AMSET50-RA และ PRINCIPAL GIF
  • กองที่แพ้ได้แก่ TMBABF, PRINCIPAL iPROP-A, KFDYNAMIC, ASP-ASIAN, TMBGOLDS

โดยสรุป ในเดือน ส.ค. 62 นี้ ผมทำ TAA ได้ดี แต่ Selection ทำได้ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ดีมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยมีประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้

  • อสังหาฯ ผมเลือกใช้ iPROP-A ซึ่งเป็นอสังหา ไทย + สิงคโปร์ แต่ BM นั้นคือดัชนี SET PF&REIT TRI ซึ่งเป็นอสังหาไทยล้วน และในปีนี้อสังหาฯ ไทยล้วน ให้ผลตอบแทนดีกว่าอสังหาฯ ไทย+สิงคโปร์มากพอสมควร
  • หุ้นไทย ผมยังคงมีหุ้นใหญ่ 1AMSET50-RA ผสมกับหุ้นกลางเล็ก KFDYNAMIC ซึ่งปรากฎว่าปีนี้ หุ้นกลางเล็กก็ยังทำผลตอบแทนได้ไม่ดีเท่ากับหุ้นใหญ่ ทำให้การมี KFDYNAMIC เป็นการหน่วงพอร์ตส่วนหุ้นไทย ไม่ให้โตได้ดีเท่าที่ควร
  • หุ้นต่างประเทศ ปีนี้หุ้นที่ไปได้ดีคือหุ้นฝั่งประเทศพัฒนาแล้ว หลักๆ คือ US แต่พอร์ตส่วนนี้ ผมมีหุ้นเอเชีย ASP-ASIAN ถือไว้ด้วย ซึ่งหุ้นเอเชียรับผลทางลบจากเหตุการณ์ Trade War ค่อนข้างมาก ทำให้พอร์ตส่วนหุ้นต่างประเทศ ก็โตได้ไม่ดี เท่ากับการถือหุ้น DM ล้วนๆ

ซึ่งต้องขอ Remark ไว้ตัวใหญ่ๆ ว่า นี่เป็นเพียงการอ่านผลรายเดือน ซึ่งก็สะท้อนแค่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นช่วงสั้นๆ เท่านั้น ผมนำมันมาใช้ตัดสินใจบ้างก็เพียงเล็กน้อย ส่วนในการตัดสินใจปรับพอร์ต จะใช้การประเมินโดยเน้นการมองไปข้างหน้า (Forward-Looking) เป็นหลัก


สรุปการปรับพอร์ตเดือนนี้

ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 62 ที่ผ่านมา ผมตัดสินใจคงพอร์ตไว้ ในสถานะ Underweight หุ้น ทั้งไทยและต่างประเทศ เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะฝั่งที่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานนั้นดูไม่ค่อยดีเลย ตัวเลขเศรษฐกิจเช่น GDP ก็ปรับลดลงกันทั้งโลก

ส่วนทิศทางราคาสินทรัพย์นั้น หากดูจากตารางด้านล่างนี้

trend-summary

 

ก็จะเห็นว่าสินทรัพย์ที่ยังยืนเป็นขาขึ้นได้ชัดเจนก็จะมี อสังหาริมทรัพย์ และ ทองคำ หากเป็นหุ้นก็จะเป็นหุ้นฝั่ง US เป็นหลักเท่านั้น

ดังนั้น ในเดือนนี้ ผมจึงยังคงยืนยันการจัดพอร์ตไว้ในสัดส่วนใกล้เคียงเดิมคือ Underweight หุ้นทั้งไทยและต่างประเทศ ส่วนเงินใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มอีก 5,000 บาทนั้น ก็จะนำไปพักไว้ในตราสารหนี้ไทยก่อน

สัดส่วนการลงทุนจะเปลี่ยนไปดังตารางต่อไปนี้

rebalance

โดยหลังจากนำเงิน 5,000 บาทไปซื้อกองตราสารหนี้ TMBABF สัดส่วนพอร์ตจะเป็นไปดังตารางต่อไปนี้ครับ

  • ตราสารหนี้ไทย 21.1% (แผน SAA = 15%)
  • อสังหาฯ 27.8% (แผน SAA = 25%)
  • หุ้นไทย 22.2% (แผน SAA = 30%)
  • หุ้นเทศ 17.4% (แผน SAA = 20%)
  • ทองคำ 11.4% (แผน SAA = 10%)