ผลตอบแทน
7 วันมานี้ SET Index ปรับลดจาก
1548.44 จุด ณ วันที่ 31 ส.ค.59 (วันที่เข้าลงทุน)
มาอยู่ที่ 1487.20 จุด ณ 7 ก.ย. 59
ลดลง 61.24 จุด คิดเป็นการขาดทุน -3.95%
พอร์ตเราลงทุนไป 200,000 ณ วันที่ 31 ส.ค. 59
ปัจจุบัน เหลือ 198,719 ปรับลดลงประมาณ 1,280
หรือคิดเป็นการขาดทุนประมาณ -0.64%
ถ้าเทียบกันก็ถือว่าพอร์ตชนะ SET อยู่ +3.31%
(ชนะในที่นี้คือขาดทุนน้อยกว่า)
ทั้งๆ ที่ ABAGS, GIF, TMBAGLF,
T-PropInfraFlex และ UTSME มี Front-end Fee ตอนซื้อ
เฉลี่ยๆ ทุกกองใส่กันแล้วก็ร่วม 1% ก็ยังชนะอยู่
แต่ผลตอบแทน SET Index ไม่มีค่า Fee นี้
ที่มาของผลตอบแทน
สาเหตุก็เพราะมีพวก K-FIXED, TMBAGLF, TMBGOLDS
ที่ทำกำไรมาได้ ในขณะที่ SET ตกเยอะ
(นี่ล่ะประโยชน์ในการลด Intra-Horizon Risk ของการกระจาย)
กองที่โดนหนักที่สุดก็คือ UTSME
ติดลบไป -5.79% ซึ่งถ้าหักขาดทุนจาก Front-end Fee 1% ออก
7 วันมานี้ก็ถือว่าลบไปประมาณ -4.79%
ถือว่าแพ้ตลาด (BTP ลบแค่ -2.48%)
สาเหตุก็เพราะกองนี้ลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลางและเล็ก
เพราะมีหลายตัวที่ก่อนหน้าขึ้นมาเยอะ ตอนนี้ก็เลยตกเยอะ
ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรกับมัน
เพราะเพิ่งผ่านไปสั้นมากๆ แถมเป็นขาลง
และเราไม่ได้ฝากชีวิตไว้กับกองนี้กองเดียวอยู่แล้ว
มีเพื่อนฝูงคอยช่วยอยู่อีกตั้ง 7 กอง
ใครจะไปรู้ว่าอนาคต กองนี้อาจเป็นตัวเร่งผลตอบแทนก็ได้
แต่ถ้าใครไม่กระจาย ทุ่มลงกองนี้กองเดียวเพราะเห็นว่าเก่ง ก็คงจุกไม่น้อย
หมายเหตุ
ที่เทียบไปข้างบนทั้งหมด อาจไม่ใช่คู่เปรียบเทียบที่ดีนัก
เพราะพอร์ตเราเน้นเสี่ยงกลาง แต่หุ้นไทยเสี่ยงสูง
ไม่ควรเอามาเทียบกันแบบนี้ เพราะในขาลงพอร์ตเสี่ยงกลาง
มีโอกาสชนะพอร์ตเสี่ยงสูงอยู่แล้ว
ไว้สิ้นเดือนค่อยคำนวณ Benchmark พอร์ตแบบแฟร์ๆ ให้ดูนะครับ